การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
ความยั่งยืน
จากสถานการณ์ของโลกที่ต้องการเห็นการแสดงความรับผิดชอบร่วมกันตลอดห่วงโซ่อุปทานในมุมมองด้านความปลอดภัยในการผลิตและให้บริการ การเคารพสิทธิมนุษยชนในการปฏิบัติต่อแรงงาน การรับมือกับสถานการณ์สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป การใช้ทรัพยากรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ และการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ล้วนแต่เป็นประเด็นที่ CPN ไม่สามารถจะดำเนินการลดความเสี่ยงเหล่านั้นเพียงลำพังได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจในการบริหารจัดการและพัฒนาร่วมกันกับคู่ค้าและผู้รับเหมา โดย CPN ได้กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการและพัฒนาคู่ค้าในการให้มุมมองสถานการณ์โลกที่กว้างขึ้น และร่วมกันพัฒนาโดยอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่แตกต่างกัน บนหลักบรรษัทภิบาลในการดำเนินงานที่ดีระหว่างกัน
บทบาทและหน้าที่รับผิดชอบ
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการก่อสร้าง รับผิดชอบในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานในส่วนพัฒนาและก่อสร้าง และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง รับผิดชอบในส่วนปฏิบัติการบริหารทรัพย์สินและองค์กร โดยมีหน้าที่กำกับดูแลคณะทำงานแบบข้ามสายงานอีกชั้นหนึ่งเพื่อร่วมกันพิจารณา คัดกรอง และประเมินคู่ค้าโดยมุมมองทางด้านนวัตกรรม เทคนิค ความเชี่ยวชาญ และในด้านความคุ้มค่าทางการเงินควบคู่กันไป
คณะทำงานแบบข้ามสายงาน ได้แก่ หน่วยงานบริหารความเสี่ยงองค์กร และหน่วยงานที่รับผิดชอบในการบริหารและจัดการคู่ค้าโดยตรง ทำหน้าที่รับผิดชอบในกระบวนการประเมินความเสี่ยงของคู่ค้าที่อาจมีผลต่อ CPN ครอบคลุมการประเมินความเสี่ยงในกระบวนการที่สำคัญระหว่างกัน
ผลการดำเนินการ
CPN กำหนดนโยบายการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจระหว่างกันระหว่าง CPN และพันธมิตรคู่ค้าในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการร่วมกันตามแนวทางความยั่งยืนและหลักบรรษัทภิบาลที่ดี บน 6 หลักการ ได้แก่
- การกำกับดูแลเพื่อให้เกิดความรอบคอบ โปร่งใส และเป็นธรรมระหว่างกัน
- การใส่ใจสิ่งแวดล้อม และจัดการผลกระทบและความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นร่วมกัน
- การคำนึงถึงสุขภาพ อนามัย ความปลอดภัย และคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ
- การคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนทั้งเชิงบวกและเชิงลบ
- การคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงการดูแลพนักงานที่จัดจ้างโดยคู่ค้า
- การพัฒนาคู่ค้าในการบริหารจัดการให้เป็นไปตามระเบียบ ข้อกำหนดและแนวทางในการดำเนินงานระหว่างกัน
1. การแบ่งกลุ่มคู่ค้า
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานของ CPN ครอบคลุมกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่เกิดจาก CPN โดยตรง โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการกับคู่ค้า ที่มีการดำเนินธุรกรรมระหว่างกันในรอบปี แบ่งออกเป็น (1) ส่วนการพัฒนาและก่อสร้าง (2) ส่วนการบริหารศูนย์การค้าและการตลาด และ (3) ส่วนองค์กร

นอกเหนือจากการแบ่งคู่ค้าตามห่วงโซ่คุณค่าแล้ว CPN ยังได้แบ่งกลุ่มคู่ค้าโดย
- แบ่งตามการวิเคราะห์รายจ่าย โดยพิจารณาจากมูลค่าการว่าจ้างในรอบปี ดังแสดงในตาราง “การแบ่งกลุ่มคู่ค้าของ CPN ตามการวิเคราะห์รายจ่าย” และตามหมวดหมู่การให้บริการของคู่ค้า ดังแสดงในตาราง “การแบ่งกลุ่มคู่ค้าของ CPN ตามหมวดหมู่การให้บริการของคู่ค้า”
การแบ่งกลุ่มคู่ค้าของ CPN ตามการวิเคราะห์ยอดใช้จ่าย
กลุ่มที่ 1 คู่ค้าแยกตามมูลค่าการว่าจ้าง มากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป
กลุ่มที่ 2 คู่ค้าแยกตามมูลค่าการว่าจ้าง มากกว่า 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท
กลุ่มที่ 3 คู่ค้าแยกตามมูลค่าการว่าจ้าง น้อยกว่า 1 ล้านบาท

- แบ่งตามความสำคัญของคู่ค้าต่อการดำเนินงานของ CPN
- แบ่งตามคุณสมบัติของคู่ค้าด้านความเชี่ยวชาญและผูกขาดในการให้บริการ ซึ่งการแบ่งกลุ่มคู่ค้านี้จะนำไปใช้ในการวางแผนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน การดูแลและพัฒนาคู่ค้า รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงของคู่ค้ารายปี และกำหนดมาตรการในการลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ตรงประเด็นมากขึ้น
ทั้งนี้ CPN นำการแบ่งกลุ่มคู่ค้าดังกล่าว ไปใช้ในการวางแผนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน การดูแลและพัฒนาคู่ค้า รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงของคู่ค้ารายปี โดยขั้นตอนในการประเมินความเสี่ยงของคู่ค้านั้น มีขั้นตอนดังนี้
(1) กำหนดกระบวนการคัดเลือกผู้ผลิต/ผู้รับจ้างที่สำคัญ โดยมีเกณฑ์ในการคัดเลือก คือ มูลค่าเงินจัดซื้อจัดจ้าง ความสำคัญของสินค้าและบริการ และ จำนวนผู้ผลิต/ผู้รับจ้างที่มีในตลาด (2) ประเมินความเสี่ยงมิติการส่งมอบสินค้าและบริการ และ มิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้สามารถจำแนกกระบวนการสำคัญที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงจากสร้างผลกระทบเชิงลบต่อชุมชน (3) กำหนดมาตรการจัดการความเสี่ยง เพื่อลดโอกาสเกิดหรือลดผลกระทบหากเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ
2. การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน

1) การวางแผนและเชิญคู่ค้าเข้าร่วมกระบวนการคัดกรอง
- เชิญคู่ค้าโดยแจ้งขอบเขตวัตถุประสงค์และผลสัมฤทธิ์ของโครงการให้ครบถ้วนชัดเจน รวมไปถึงความต้องการพิเศษ เช่นให้สอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืนด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม
- ยึดการปฏิบัติตามนโยบายด้านการจัดซื้อจัดจ้างและการปฏิบัติต่อคู่ค้า และนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน
- คู่ค้าประเมินตนเองตามแบบฟอร์มประเมินคุณสมบัติเบื้องต้น มีเกณฑ์การประเมินใน 3 มิติ คือ (1) ความน่าเชื่อถือของบริษัทและความสามารถทางด้านการบริหารการเงิน (2) เทคนิคและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี (3) การบริหารจัดการคุณภาพของงาน และการคำนึงถึงผลกระทบด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม
2) การประมูลและคัดเลือก
- การประมูล แยกเป็นการประมูลแบบเปิดซองสอบราคาพร้อมกัน และ ประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยทั้งสองระบบนั้นจะแยกการพิจารณาออกเป็น 2 ส่วน คือความสามารถและศักยภาพด้านเทคนิค และความคุ้มค่าของราคา
- การเปรียบเทียบ 3 ราย ยกเว้นในกรณีพิเศษตามเงื่อนไขในระเบียบการจัดซื้อ จัดจ้าง ของบริษัท จึงจะสามารถว่าจ้างได้ตามทะเบียนสินค้าและบริการที่ผ่านการเปรียบเทียบราคาและกระบวนการประเมินคู่ค้ารายปีเรียบร้อยแล้ว
- เกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือก คือ คุณภาพดี ราคาดี บริการดี เงื่อนไขถูกต้อง ปริมาณถูกต้อง เวลาถูกต้อง แหล่งผลิตถูกต้อง ส่งสถานที่ถูกต้อง และจัดจ้างโดยหลีกเลี่ยงการผูกขาด
3) การส่งมอบงาน
- การส่งมอบงาน สินค้าและบริการต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิด้านแรงงาน ความปลอดภัย และด้านสิ่งแวดล้อม
- กำหนดมาตรฐานในการส่งมอบงานให้เป็นไปตามกำหนดรายละเอียดของงาน ราคากลาง บัญชีแสดงปริมาณงาน และเป็นไปตามมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพองค์กร และมาตรฐาน ISO ต่างๆ ที่กำหนดไว้ และตามข้อระเบียบในการส่งมอบงานตามแนวทางความยั่งยืน เช่น ด้านความปลอดภัยและสิทธิมนุษยชนของแรงงาน
- ประเมินด้านการปฏิบัติการ โดยหน่วยงานภายในและภายนอกและใช้ผลประเมินประกอบการขึ้นทะเบียนคู่ค้า ตามเกณฑ์นโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและพิจารณาการคงสภาพคู่ค้ารายนั้น ๆ ในปีถัดไป
- กำหนดให้คู่ค้ามีการจัดทำแผนงานปฏิบัติการแก้ไข และบทลงโทษอย่างชัดเจนหากคู่ค้าละเลย หรือฝ่าฝืนตามแบบประเมินที่กำหนด
นอกจากนี้ CPN ยังได้จัดการประชุมคู่ค้าประจำปีเพื่อสื่อสารนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทและส่งเสริมการพัฒนาของคู่ค้า อีกทั้งเน้นย้ำในเจตนารมณ์การดำเนินธุรกิจบนหลักบรรษัทภิบาล การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ CPN ตามจรรยาบรรณในการทำงานร่วมกันกับคู่ค้า (CPN Code of conduct for suppliers) และเชิญชวนคู่ค้าเข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต มุ่งเน้นในการพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน ทั้งนวัตกรรมกระบวนการการก่อสร้างและการให้บริการ และการพัฒนาคู่ค้าระดับท้องถิ่น
3. การบริหารความสัมพันธ์และการพัฒนาร่วมกับคู่ค้า
ตลอดระยะเวลาเกือบสี่ทศวรรษบนเส้นทางสู่การเป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ของ CPN นั้น ผู้เป็นกำลังสำคัญและที่เดินเคียงคู่กันมาคือคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจที่ร่วมกันสร้างและพัฒนาจนประสบสำเร็จและเจริญเติบโตไปพร้อมกัน เมื่อ CPN มุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน การมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นจากคู่ค้าจึงเป็นกระบวนการที่ CPN ให้ความสำคัญมาโดยตลอดทั้งในรูปแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
นอกจากนี้ การประชุมคู่ค้าประจำปียังเป็นโอกาสที่ดีในการสื่อสารนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทและส่งเสริมการพัฒนาของคู่ค้า โดยได้จัดสัมมนาให้ความรู้เชิงลึกด้านนวัตกรรมในการออกแบบและก่อสร้าง และกฎหมายด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชน และเน้นย้ำในเจตนารมณ์การดำเนินธุรกิจบนหลักบรรษัทภิบาล การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ CPN ตามจรรยาบรรณในการทำงานร่วมกันกับคู่ค้า (CPN Code of conduct for suppliers) และเชิญชวนคู่ค้าเข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต
ทั้งนี้แนวทางในการสร้างความผูกพันระหว่างกันกับคู่ค้านั้น CPN จะเน้นย้ำให้ดำเนินไปบนพื้นฐานความโปร่งใส และเป็นธรรม ในปี 2560 CPN ได้เน้นย้ำกับคู่ค้าในนโยบายการงดรับของขวัญ (No gift policy) ซึ่งมีการปรับกระบวนการภายในให้เป็นรูปธรรม รวมทั้งการสื่อสารตอกย้ำไปยังคู่ค้าให้ทราบและเข้าใจในเจตนารมณ์ของ CPN ในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมไปถึงการขอความร่วมมือคู่ค้าในการดำเนินธุรกิจระหว่างกันตามจรรยาบรรณและแนวทางการปฏิบัติของคู่ค้าของ CPN รวมทั้งแจ้งช่องทางแจ้งเบาะแสและร้องเรียน ผ่านการสื่อสารและบูรณาการในกระบวนการทำงานระหว่างกันในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจนมากขึ้น
หนึ่งในความภูมิใจของ CPN คือการพัฒนาคู่ค้าทางธุรกิจให้สามารถเติบโตและขยายผลการดำเนินงานทางธุรกิจได้ทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค เคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับการเติบโตของ CPN โดยในการพัฒนาคู่ค้านั้น CPN จะมุ่งเน้นแนวทางการพัฒนาใน 2 มิติ คือ
1) การพัฒนาและก่อสร้าง และ การปฏิบัติการรวมและการตลาด
มุ่งเน้นในการพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน อาทิ
- ด้านการก่อสร้างโดยเน้นนวัตกรรมกระบวนการ
- การก่อสร้างด้วยผนังเบาและวัสดุที่คงทนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งยังสามารถนำมาโค้งงอ ดัดแปลงให้อ่อนช้อยตามการแบบตกแต่งภายในที่กำหนด
- นำเสาเข็มหมุดเหล็กแบบสกรู มาปรับใช้ในการเจาะเสาเข็มสำหรับงานป้ายหรืองานรั้วชั่วคราว ซึ่งสามารถถอนออกไปใช้ในงานอื่นต่อไปได้
- นำเทคนิคการทำกระเบื้องแบบพิกเซลมาปรับใช้ในงานปูกระเบื้องด้านนอกอาคาร หรืองานฮาร์ดสเคป นอกจากจะเพิ่มความสวยงามแล้วยังเป็นการใช้เศษกระเบื้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยลดปริมาณกระเบื้องที่จะต้องทิ้งโดยสูญเปล่า
- การประยุกต์นำไม้ ไวนิลและสลิงมาใช้ในการทำฝ้าชั่วคราวกรณีปรับปรุงพื้นที่ (Renovate) แทนการใช้ผ้าดิบทั่วๆ ไป ซึ่งสามารถปลดนำไปใช้ในพื้นที่ปรับปรุงอื่นต่อไปได้ เป็นการลดวัสดุสิ้นเปลือง และไม่ทำให้ความรู้สึกของลูกค้าสะดุดในการเดินภายในโครงการที่มีทั้งพื้นที่ก่อสร้างและพื้นที่ที่ยังเปิดให้บริการ
- ด้านงานระบบ เช่นการนำระบบบำบัดน้ำเสีย Deep shaft มาประยุกต์ใช้ในโครงการขยายที่มีข้อจำกัดด้านการขยายพื้นที่ในแนวราบ
- ในส่วนการบริหารศูนย์การค้าได้ร่วมกับคู่ค่าในการพัฒนาธุรกิจด้านระบบน้ำรีไซเคิลในอาคารขนาดใหญ่
- ร่วมกับบริษัทด้านการจัดการเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ระบบเครื่องอัตโนมัติ ในการนำระบบแนะนำที่จอดรถ หรือ Parking guidance system มาใช้ในการบริหารที่จอดรถและงานจราจร
- ร่วมกับออกาไนเซอร์ในการปรับปรุงและพัฒนากิจกรรมทางการตลาดสมัยใหม่ให้ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
- ร่วมกับผู้รับเหมาช่วง Subcontractor ในการพัฒนาสร้างมาตรฐานในการให้บริการสู่ระดับสากล
2) การพัฒนาคู่ค้าระดับท้องถิ่น
มุ่งเน้นการนำระบบและกระบวนการคิดเพื่อประยุกต์ศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดให้ทันสมัย นำมาตกแต่งทั้งภายนอกอาคารและตัวอาคารอย่างมีดีไซน์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังเช่นการร่วมกับคู่ค้าระดับท้องถิ่นผู้เชี่ยวชาญในด้านการผลิตเซรามิค ประยุกต์ดีไซน์การออกแบบสมัยใหม่ผลิตเซรามิคเฉพาะสำหรับการตกแต่งเสาอาคารในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลำปาง การร่วมกับคู่ค้าระดับท้องถิ่นในการจัดสรรการใข้ทรัพยากรในช่วงการก่อสร้างกลับมาใช้ใหม่ ในโครงการก่อสร้างศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย ที่นำทรายมาบดอัดเป็นงานชั้นรองพื้นลานจอดรถและงานรองพื้นทาง (Subbase) รอบโครงการ และนำเศษเสาเข็มที่เหลือจากตัดกลับมาใช้งานใหม่ โดยนำมาทำกำแพงกันดิน ตอกรับป้ายโครงการ และตอกรับโครงสร้างพื้นสำนักงานบางส่วน หรือในการออกแบบและตกแต่งด้านหน้าอาคาร (façade) ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ศาลายาให้เป็นรูปดอกกล้วยไม้ โดยนำไม้ที่ฉลุออกนำกลับมาตกแต่งซ้ำ เป็นต้น